เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๓ เม.ย. ๒๕๕๓ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีครอบครัวพิการที่น่าสงสารครอบครัวหนึ่ง มีลูกสาวพิการเดินและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ถึง ๔ คน พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ ๒ หมู่ ๑ ต.สวนดอกไม้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ พบนางพิ้ง บุญญาสิทธิ์ อายุ ๘๕ ปี เปิดเผยว่า สามีเสียชีวิตไปนานแล้ว ตนมีลูก ๘ คน เสียชีวิตไปแล้ว ๓ คน มีชีวิตอยู่ ๕ คนผู้หญิงทั้งหมด ในจำนวนนี้มี ๔ คนที่พิการเดินและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนลูกสาวคนคนเล็ก ไปรับจ้างทำงานอยู่ต่างประเทศได้สามีเป็นชาวต่างชาติไม่เคยกลับมาบ้านเลย ส่งเงินมาให้บ้างเล็กน้อย ครั้งละ ๑,๐๐๐ -๒,๐๐๐ บาท นานๆ ครั้ง ส่วนตนอาศัยขายของชำเล็กๆน้อยๆช่วยเหลือครอบครัว
จากนั้นนางพิ้ง ได้พาไปดูลูกสาวคนโต บ้านอยู่ห่างกัน ๒๐ เมตร พบนางศิวิไล จุลพฤกษ์ อายุ ๕๔ ปี พิการเดินไม่ได้ พบนายบุญยัง จุลพฤกษ์ อายุ ๕๒ ปี สามีของนางศิวิไล เป็นยามอยู่โรงงานทอกระสอบสระบุรี ออกไปทำงานแล้ว และมีลูกสาว ๑ คน น.ส.สุกัญญา จุลพฤกษ์ อายุ ๒๓ ปี ออกไปทำงานอยู่โรงงานใน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อสามีและลูกสาวไปทำงาน นางพิ้งก็ต้องมาคอยดูแลนางศิวิไลที่พอจะพูดได้และเคลื่อนไหวได้แต่เพียงส่วนศีรษะเท่านั้น
ส่วนบนบ้านชั้นสองของนางพิ้ง พบ น.ส.ประชุม บุญญาสิทธิ์ อายุ ๔๙ ปี ลูกสาวคนที่สอง พิการเดินไม่ได้ ต้องช่วยประคองให้นั่ง พูดจาได้บ้างแต่แขนขาลีบไม่มีเรี่ยวแรง ใกล้ๆกันพบน.ส.พรศรี บุญญาสิทธิ์ อายุ ๔๗ ปี ลูกสาวคนที่ ๓ พิการเดินไม่ได้ แต่พอนั่งได้บ้าง และใช้มือจับไม้แขวนเสื้อ และไม้ขนไก่ที่ใช้ปัดฝุ่น เอามาเกี่ยวกับหัวแม่เท้าทั้งสองและดึงโยกเพื่อเป็นการบริหารร่างกาย ข้างๆ มี ขวดน้ำดื่ม อาหารแห้ง ให้พอยื่นมือหยิบมากินได้ช่วยตัวเองได้บ้าง ส่วนชั้นล่างของบ้านบริเวณใต้ถุนมี น.ส.พรมงคล บุญญาสิทธิ์ อายุ ๔๔ ปี แขนขาลีบเดินไม่ได้ เดิมน.ส.พรมงคล เรียนจบ ปวส.กรุงเทพ การบัญชีวิทยาลัย จบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ พอปีพ.ศ.๒๕๓๘ แขนขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงไปเอง มือทั้งสองพอใช้การได้บ้างต้องอาศัยใช้มือดันพื้นในการเคลื่อนที่ เพราะเดินไมได้
นางพิ้ง เล่าว่า ชีวิตเดิมนั้นทั้ง ๔ คนมีร่างกายปกติดีทุกอย่าง และทำงานที่โรงงานทอกระสอบ เสาไห้ สระบุรี ที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน ต่อมานางศิวิไล อายุได้ประมาณ ๒๖ ปี ร่างกายก็เริ่มอ่อนแรงลง แขนขาเริ่มหมดเรี่ยวแรงลงเรื่อยๆ คล้ายๆคนจะเป็นอัมพฤกษ์ พออายุได้ ๒๘ ปี ก็หมดสภาพจากนั้นน้องอีก ๓ คนก็ทยอยเป็นกันหมด ซึ่งน่าแปลกมาก แพทย์ระบุว่า สาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทุกวันนี้ทุกคนได้รับเงินเบี้ยยังชีพคนพิการ จากเทศบาลตำบลสวนดอกไม้ คนละ ๕๐๐ บาท ตอนนี้แทบจะไม่เหลืออะไรเพราะขายไปหมดเพื่อนำเงินมารักษาลูกๆ แต่ก็ไม่หาย ทุกวันนี้ยังมีหนี้สินและค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวอีกเดือนละ ๕,๐๐๐-๖,๐๐๐ บาท แล้ว อีกทั้งต้องจ่ายเงินค่าขนมไปโรงเรียนให้หลานสาว ซึ่งเป็นลูกของคนที่อยู่ต่างประเทศด้วย ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นป.๖ ทุกวันนี้อยากขอความช่วยเหลือ ให้ใช้หนี้หมด มีเงินซื้อสินค้ามาขายภายในบ้านก็พอแล้ว(ข่าวสดออ นไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๓ เม.ย. ๒๕๕๓ )
เข้าชม : 136
|